-
ศัลยกรรมแก้ไขตา
การผ่าตัดแก้ไขตาที่เป็นที่นิยมของคนไทย ได้แก่ “ การทำตา 2 ชั้น” เพื่อทำให้ตาชั้นเดียวมีสองชั้น นอกจากนี้ในบางคนมีปัญหาชั้นตาไม่ชัด เพราะไขมันที่เปลือกตาหนา หรือ หนังตาตก ก็ต้องได้รับการผ่าตัดตาด้วยเหมือนกัน อย่างไรก็ตามการทำศัลยกรรมแก้ไขตา จริงๆแล้วมีหลายแบบมากดังต่อไปนี้
- ศัลยกรรมตาสองชั้น( Double eyelid surgery) เป็นที่นิยมของคนเอเชียที่มีตาเล็กชั้นตาเดียว เทคนิคการผ่าตัดตามี 2 เทคนิค 1. แบบแผลกรีด (Open Technique) 2. แบบแผลเจาะ (Suturing technique)
- ศัลยกรรมตาตก กล้ามเนื้อตาตก (Eye Ptosis Surgery) สาเหตุเกิดมาจาก กล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยทั่วไปสามารถแก้ไขด้วยการยกกระชับกล้ามเนื้อตา Levator plication หากอาการรุนแรงกว่านั้นจำเป็นต้องใช้วิธีการแก้ไขอื่นร่วมด้วย
- ศัลยกรรมตาล่าง (Lower Eyelid Surgery) สาเหตุมาจากการสะสมไขมันใต้ตาล่าง แล้วทำให้มีถุงห้อยลงมาใต้ตาอย่างชัดเจน มักเกิดกับคนที่อายุเยอะ แต่บางครั้งในคนอายุน้อยก็พบได้เนื่องจากกรรมพันธุ์ เทคนิคผ่าตัดแบ่งได้เป็น 2 แบบ 1. แบบเจาะ (Transconjunctiva incision) เหมาะสมกับคนที่มีอายุน้อย 2. แบบแผลกรีด (Open lower eyelid surgery) เหมาะกับ ในผู้มีอายุมาก
- ศัลยกรรมเปิดหัวตา (Epicanthoplasty) เพื่อทำให้รูปตาดูยาวและกว้างขึ้น โดยแพทย์จะทำการกรีดผิวหนังที่หัวตา เพื่อเปิดให้ดวงตาดูสดใสขึ้น
- ศัลยกรรมหางตา (Lateral Canthoplasty) แก้ไขในกรณีที่ คนไข้มีปัญหา คือ หางตาตก หางตาแคบ สั้น หางตาเชิดเฉียงมากเกินไป
2. ศัลยกรรมตัดไขมันกระพุ้งแก้ม
คนไข้ที่มีปัญหาแก้มป่องและรู้สึกไม่ชอบ การตัดกระพุ้งแก้มด้วยการเอาไขมันบริเวณกล้ามเนื้อส่วนล่างของใบหน้าออกจะช่วยให้หน้าดูเรียวขึ้น โดยจะไม่มีแผลจากภายนอกให้เห็น
3. ศัลยกรรมเสริมจมูก
เป็นการแก้ไขปัญหาโครงสร้างจมูกเพื่อความสวยงาม หรือ แก้ไขจมูกที่ผิดรูปร่าง ได้รับอุบัติเหตุ รวมทั้งคนไข้ที่มีปัญหาทางเดินหายใจ หรือคสามบกพร่องตั้งแต่กำเนิด
4. ศัลยกรรมผ่าตัดกราม
ในคนไข้ผู้หญิงการมีกรามที่กว้างหรือ เหลี่ยม อาจแสดงถึงความแข็งกร้าว บึกบึน การตัดกรามเพื่อทำให้หน้าเรียว ใบหน้าจะดูอ่อนโยน ละมุนขึ้น
5. ศัลยกรรมริมฝีปาก
ส่วนใหญ่คือการทำให้ริมฝีปากบางในคนไข้ที่ริมฝีปากหนา อย่างไรก็ตามก่อนผ่าตัดริมฝีปากบางแพทย์ต้องวิเคราะห์สาเหตุของ ความหนาของริมฝีปากว่ามาจากริมฝีปากจริงๆหรือไม่ เพราะบางครั้งสาเหตุอาจมาจาก มีโครงกระดูกหน้ายื่น, ฟันหน้ายื่น, คางสั้น เป็นต้น ไม่เช่นนั้นถึงผ่าตัดไปก็จะไม่ได้ผลดีเพราะไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุโดยตรง
6. ศัลยกรรมคาง
มักจะทำใน 2 กรณี
6.1 คางสั้น แก้ไขด้วยการผ่าตัดเสริมคาง อาจเสริมด้วยซิลิโคนแท่งชนิดเดียวกับที่ใช้เสริมจมูกซึ่งมีทั้งแบบขึ้นรูปมาสำเร็จรูป หรือ แพทย์จะทำการเหลาขึ้นรูปขึ้นมาเอง, ผ่าตัดเลื่อนกระดูกคางให้ยาวขึ้นหรือต่อกระดูกคางโดยใช้กระดูกที่ตัดมาจากโหนกแก้มหรือมุมกราม แล้วยึดด้วยสกรูไทเทเนียม การผ่าตัดจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นให้เห็น
6.2 คางยาวหรือคางยื่น คนไข้มักมีทำให้รูปหน้ายาวเกินไป สาเหตุหลักๆมาจาก ขากรรไกรล่างและฟันล่างทั้งหมดยื่นออกมาด้านหน้า ส่วนใหญ่มักแก้ไขด้วยการผ่าตัดร่วมกับการจัดฟัน ซึ่งจะใช้เวลารักษาค่อนข้างนาน
7. ศัลยกรรมเสริมหน้าผาก
มีหลายเทคนิคดังต่อไปนี้
7.1 . การผ่าตัดเสริมด้วยซีเมนต์เทียม
7.2 การฉีดเติมเต็มด้วยฟิลเลอร์
7.3 การเติมเต็มด้วยเซลล์ไขมัน
7.4 การเสริมซิลิโคนแผ่นแบบเก่า
7.5 การผ่าตัดเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคนแผ่น
8. ศัลยกรรมเสริมโหนกแก้ม
เหมาะในคนที่มีโหนกแก้มต่ำ ต้องการเพิ่มความกว้างและสูงของใบหน้าส่วนกลาง ด้วยการเสริมด้วยวัสดุบนกระดูกโหนกแก้ม
9. การศัลยกรรมยุบโหนกแก้ม / ยุบโหนกคิ้ว (Forehead Shaving / Forehead contouring)
การยุบหน้าผากจะช่วยให้ลักษณะเพศชายที่ดูดุดัน แข็งกร้าว ดูเป็นเพศหญิงมากขึ้น โดยการปรับหน้าผากให้ดูโค้งมน อ่อนหวาน นอกจากนี้ยังทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาวร์มากขึ้น ในคนไข้ที่โหนกแก้มสูงใหญ่มาก หรือใบหน้าแบนกว้างไป การผ่าตัดยุบโหนกแก้มก็จะช่วยทำให้ดูเด็กลง
10. การศัลยกรรมเสริมกราม (Jaw Augmentation)
เพื่อทำให้ใบหน้าดูมีขากรรไกรที่แข็งแรงขึ้น มีมุมกรามที่ชัดขึ้น ดูเป็นเพศชายมากขึ้น หรือแม้กระทั่งทำให้ในผู้ที่มีกรามเล็ก และไม่สมดุลสองข้างดสมมาตรมากขึ้น