การสูญเสียฟันทั้งปากหรือเกือบทั้งปากเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเคี้ยวอาหาร การพูด หรือความมั่นใจในการยิ้ม ในอดีตผู้ป่วยที่ประสบปัญหานี้มักมีทางเลือกจำกัด คือการใส่ฟันปลอมแบบถอดได้ซึ่งมักประสบปัญหาหลุดง่าย เจ็บเหงือก และไม่สามารถเคี้ยวอาหารได้เต็มประสิทธิภาพ แต่ปัจจุบันเทคโนโลยี All-on-4 กลายเป็นทางเลือกใหม่ที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการฟันติดแน่นทั้งปาก
All-on-4 คือ เทคนิคการรักษาทางทันตกรรมสมัยใหม่
All-on-4 เป็นเทคนิคการรักษาทางทันตกรรมที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยผู้ป่วยที่สูญเสียฟันทั้งปากหรือเกือบทั้งปาก โดยใช้หลักการฝังรากฟันเทียมจำนวน 4 ตัวต่อขากรรไกร เพื่อเป็นฐานรองรับฟันปลอมทั้งปากแบบติดแน่น ชื่อ “All-on-4” มาจากการที่ฟันทั้งปาก (All) ถูกรองรับด้วยรากฟันเทียมเพียง 4 ตัว (on-4)
เทคนิคนี้ถูกพัฒนาขึ้นโดยคำนึงถึงการกระจายแรงเคี้ยวและความแข็งแรงของโครงสร้างกระดูกขากรรไกร โดยรากฟันเทียม 2 ตัวด้านหน้าจะถูกฝังในแนวตั้งตรง ส่วนรากฟันเทียม 2 ตัวด้านหลังจะถูกฝังในมุมเอียง 30-45 องศา เพื่อหลีกเลี่ยงโพรงอากาศในขากรรไกรบน (Maxillary Sinus) และเส้นประสาทในขากรรไกรล่าง
ลักษณะของบุคคลที่ควรทำ All-on-4
การรักษาด้วยเทคนิค All-on-4 เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีลักษณะดังต่อไปนี้:
ผู้ที่สูญเสียฟันทั้งปากหรือเกือบทั้งปาก ไม่ว่าจะเกิดจากโรคฟันผุรุนแรง โรคปริทันต์ หรืออุบัติเหตุ ผู้ป่วยที่มีฟันเหลือน้อยและฟันที่เหลือมีสภาพไม่ดีจนไม่สามารถรักษาไว้ได้ก็เหมาะกับการรักษาวิธีนี้
ผู้ที่ใช้ฟันปลอมแบบถอดได้แล้วไม่พอใจ หลายคนที่ใส่ฟันปลอมแบบถอดได้มักประสบปัญหาฟันปลอมหลุดง่าย เจ็บเหงือก หรือไม่สามารถเคี้ยวอาหารได้ดี การเปลี่ยนมาใช้ All-on-4 แบบฟันติดแน่นทั้งปากบนรากเทียมในวันเดียว จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้ที่มีกระดูกขากรรไกรไม่เพียงพอสำหรับรากฟันเทียมแบบดั้งเดิม เนื่องจากเทคนิค All-on-4 ใช้การฝังรากฟันเทียมในมุมเอียง ทำให้สามารถใช้กระดูกที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความจำเป็นในการปลูกกระดูกเพิ่มเติม
ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์รวดเร็ว การรักษาด้วย All-on-4 สามารถใส่ฟันชั่วคราวได้ทันทีในวันเดียวกับการฝังรากฟันเทียม ทำให้ผู้ป่วยมีฟันใช้งานได้ทันที ไม่ต้องรอนานเหมือนวิธีการรักษาแบบดั้งเดิม
ขั้นตอนการรักษา All-on-4 อย่างละเอียด
1. การประเมินและวางแผนการรักษา
ขั้นตอนแรกเริ่มจากการตรวจประเมินสภาพช่องปากอย่างละเอียด ทันตแพทย์จะทำการถ่ายภาพรังสีแบบ 3 มิติ (CBCT) เพื่อประเมินปริมาณและคุณภาพของกระดูกขากรรไกร วางแผนตำแหน่งที่จะฝังรากฟันเทียม และออกแบบฟันปลอมให้เหมาะสมกับใบหน้าและการสบฟันของผู้ป่วยแต่ละราย
การวางแผนในขั้นตอนนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะต้องพิจารณาหลายปัจจัย เช่น ความหนาของกระดูก ตำแหน่งของเส้นประสาท โพรงอากาศ รวมถึงการออกแบบรอยยิ้มให้สวยงามและเป็นธรรมชาติ
2. การเตรียมฟันชั่วคราว
ก่อนวันผ่าตัด ทันตแพทย์จะทำการพิมพ์ปากหรือสแกนดิจิทัลเพื่อผลิตฟันชั่วคราวไว้ล่วงหน้า ฟันชั่วคราวนี้จะถูกออกแบบให้มีรูปร่างและสีที่เหมาะสมกับผู้ป่วย พร้อมสำหรับการใส่ทันทีหลังจากฝังรากฟันเทียม
3. การผ่าตัดฝังรากฟันเทียม
ในวันผ่าตัด หากผู้ป่วยยังมีฟันเหลืออยู่ ทันตแพทย์จะทำการถอนฟันที่เหลือออกก่อน จากนั้นจะทำการฝังรากฟันเทียมจำนวน 4 ตัว (หรืออาจมากกว่าในบางกรณี เช่น ขากรรไกรบนอาจใช้ 6 ตัวเพื่อความแข็งแรงมากขึ้น)
รากฟันเทียมด้านหน้า 2 ตัวจะถูกฝังในแนวตั้ง ส่วนด้านหลัง 2 ตัวจะถูกฝังในมุมเอียงเพื่อหลีกเลี่ยงโครงสร้างสำคัญและใช้กระดูกที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในกรณีที่กระดูกบางส่วนไม่เพียงพอ อาจมีการปลูกกระดูกเสริมไปพร้อมกันในขั้นตอนเดียวกัน
4. การใส่ฟันชั่วคราวทันที
หลังจากฝังรากฟันเทียมเสร็จ ทันตแพทย์จะทำการใส่ฟันชั่วคราวที่เตรียมไว้ทันที ฟันชั่วคราวนี้จะถูกยึดแน่นกับรากฟันเทียมด้วยสกรู ทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านพร้อมฟันติดแน่นที่ใช้งานได้ทันทีในวันเดียว
5. การดูแลหลังผ่าตัด
ในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด ผู้ป่วยต้องรับประทานอาหารอ่อนและหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็ง ทันตแพทย์จะนัดตรวจแผลและตัดไหมหลังผ่าตัด 2 สัปดาห์ พร้อมให้คำแนะนำการดูแลช่องปากอย่างถูกวิธี
6. การทำฟันถาวร
หลังจากรากฟันเทียมยึดติดกับกระดูกอย่างสมบูรณ์ (ประมาณ 2-4 เดือน) ทันตแพทย์จะเริ่มขั้นตอนการทำฟันถาวร ซึ่งจะใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูงกว่า แข็งแรงทนทานกว่า และมีความสวยงามเป็นธรรมชาติมากกว่าฟันชั่วคราว
ข้อดีของ All-on-4 เมื่อเทียบกับวิธีการรักษาแบบอื่น
ได้ฟันใช้งานทันที ผู้ป่วยไม่ต้องอยู่ในสภาพไม่มีฟันเป็นเวลานาน สามารถใส่ฟันชั่วคราวได้ทันทีในวันผ่าตัด ช่วยให้สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
ลดความจำเป็นในการปลูกกระดูก เนื่องจากใช้เทคนิคการฝังรากฟันเทียมในมุมเอียง ทำให้สามารถใช้กระดูกที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความจำเป็นในการปลูกกระดูกเพิ่มเติมซึ่งต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายมาก
ประหยัดค่าใช้จ่าย เมื่อเปรียบเทียบกับการทำ รากฟันเทียมทีละซี่ หรือ สะพานฟัน ทั้งปาก การใช้ All-on-4 จะประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก เพราะใช้รากฟันเทียมจำนวนน้อยกว่า
รู้สึกเหมือนฟันธรรมชาติ ฟันที่ได้จาก All-on-4 จะติดแน่นไม่หลุดเหมือนฟันปลอมแบบถอดได้ ผู้ป่วยสามารถเคี้ยวอาหาร พูด และยิ้มได้อย่างมั่นใจ
ช่วยรักษามวลกระดูกขากรรไกร รากฟันเทียมจะช่วยกระตุ้นกระดูกขากรรไกรเหมือนรากฟันธรรมชาติ ป้องกันการละลายของกระดูกที่มักเกิดขึ้นหลังจากสูญเสียฟัน
ข้อจำกัดและข้อควรระวัง
แม้ว่า All-on-4 จะเป็นทางเลือกที่ดี แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการที่ควรพิจารณา:
ต้องมีกระดูกเพียงพอ แม้จะต้องการกระดูกน้อยกว่าวิธีดั้งเดิม แต่ยังคงต้องมีปริมาณกระดูกขั้นต่ำสำหรับการฝังรากฟันเทียม 4 ตัว หากกระดูกน้อยเกินไปอาจต้องปลูกกระดูกเสริม
ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวรุนแรง ผู้ป่วยที่มีโรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ โรคกระดูกพรุน หรือได้รับการฉายรังสีบริเวณขากรรไกร อาจไม่เหมาะกับการรักษาวิธีนี้
ต้องใช้ความพิถีพิถันในการทำความสะอาด เนื่องจากเป็นฟันติดแน่น การทำความสะอาดฟัน All-on-4 จะต้องใช้แปรงพิเศษ และไหมขัดฟันร้อยเข้าไปใต้ฟันปลอดติดแน่น เพื่อทำความสะอาด เพราะไม่สามารถถอดออกมาทำความสะอาดเหมือนฟันปลอมแบบถอดได้
ต้องดูแลอย่างต่อเนื่อง ต้องรักษาสุขอนามัยช่องปากอย่างดีและมาตรวจตามนัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้รากฟันเทียมใช้งานได้นาน
ปัจจัยที่มีผลต่อราคา All-on-4
การพิจารณาราคา All-on-4 ต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ได้แก่:
คุณภาพของรากฟันเทียม รากฟันเทียมจากผู้ผลิตชั้นนำในยุโรปหรืออเมริกามักมีราคาสูงกว่ารากฟันเทียมจากเอเชีย แต่ก็มีการรับประกันและผลการวิจัยรองรับมากกว่า
วัสดุที่ใช้ทำฟัน ฟันที่ทำจากวัสดุคุณภาพสูง เช่น เซอร์โคเนีย จะมีความแข็งแรงและสวยงามกว่าวัสดุอื่น แต่ราคาก็สูงกว่าเช่นกัน
ประสบการณ์ของทันตแพทย์ ทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูงในการทำ All-on-4 จะสามารถวางแผนและทำการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน
(ผศ.ทพ.ภควัตร ชาตริยานุโยค ทันตแพทย์ผู้ได้รับใบรับรอง
อเมริกันบอร์ด ทางด้าน ใส่ฟัน และ รากฟันเทียม คนเดียวในภูมิภาคแปซิฟิก)
เทคโนโลยีที่ใช้ การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการวางแผนและผลิตฟัน เช่น การสแกน 3D, CAD/CAM จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและสวยงามมากขึ้น
สถานที่รักษา คลินิกที่มีห้องผ่าตัดได้มาตรฐาน ระบบทำให้ปลอดเชื้อที่ดี จะช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อและเพิ่มอัตราความสำเร็จของการรักษา
โดยทั่วไปราคา All-on-4 ในประเทศไทยจะเริ่มต้นประมาณ 300,000-500,000 บาทต่อขากรรไกร ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น
การดูแลรักษา All-on-4 ให้ใช้งานได้ยาวนาน
การดูแลฟัน All-on-4 ให้ใช้งานได้นานต้องปฏิบัติดังนี้:
แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ใช้แปรงสีฟันขนนุ่มและยาสีฟันที่ไม่มีสารขัดถู ให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดบริเวณรอยต่อระหว่างฟันปลอมกับเหงือก
ใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดเสริม เช่น ไหมขัดฟันชนิดพิเศษ แปรงซอกฟัน หรือเครื่องฉีดน้ำทำความสะอาดช่องปาก เพื่อกำจัดเศษอาหารและคราบจุลินทรีย์ในบริเวณที่เข้าถึงยาก
ตรวจฟันตามนัดทุก 6 เดือน เพื่อให้ทันตแพทย์ตรวจสอบสภาพรากฟันเทียมและฟันปลอม ทำความสะอาดอย่างละเอียด และแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มต้น
หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการอักเสบรอบรากฟันเทียม การกัดของแข็ง เช่น น้ำแข็ง ถั่ว กระดูก หรือการใช้ฟันเป็นเครื่องมือเปิดของ
ควบคุมโรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคเบาหวาน ให้อยู่ในระดับปกติ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการสูญเสียรากฟันเทียม
สรุป
All-on-4 เป็นนวัตกรรมการรักษาที่ช่วยให้ผู้ที่สูญเสียฟันทั้งปากหรือเกือบทั้งปากสามารถมีฟันติดแน่นที่สวยงามและใช้งานได้ดีเทียบเท่าฟันธรรมชาติ ด้วยการใช้รากฟันเทียมเพียง 4 ตัวเป็นฐานรองรับฟันทั้งปาก ช่วยลดระยะเวลาการรักษา ลดความจำเป็นในการปลูกกระดูก และให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
สำหรับผู้ที่สนใจรักษาด้วยวิธี All-on-4 ควรปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพช่องปากของแต่ละบุคคล การเลือกศูนย์ทันตกรรมที่มีประสบการณ์และใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานจะช่วยให้การรักษาประสบความสำเร็จและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
หากท่านต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษา All-on-4 หรือต้องการปรึกษาเรื่อง การทำรากฟันเทียมแบบ All-on-4 สามารถติดต่อศูนย์ทันตกรรมรากฟันเทียม โกลบอล เด็นทัล คอมเพล็กซ์ ซึ่งมีทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับท่าน